วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่าทางในการกลบเกลื่อน



ไขว่ห้างแบบธรรมดา

การไขว่ห้างแบบทั่ว ๆ ไป จะยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว้ทับขาอีกข้างหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นขวาทับว้าย เรามักจะใช้ท่าไขว่ห้างเพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้เราถอนตัวออกมาจากวงสนทนาแล้ว และถูกใช้เป็นท่าเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อสามีและเพื่อนชาย

ไขว่ห้างแบบเลขสี่ธรรมดา

มักจะเกิดกับคนที่ชอบแข่งขัน และใช้ท่านี้เพื่อตอบโต้การแข่งขัน ส่วนท่าไขว้ห้างเลขสี่แบบบล้อก มักจะเกิดกับคนที่มีบุคลิกแข็งกร้าว ชอบทะเลาะวิวาทและโต้แย้ง โดยจะใช้มือข้างใดข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นมาจับขาข้างที่พาดขึ้นมาเอาไว้ ซึ่งแสดงถึงความดึงดื้อ ใจแข็ง และพร้อมที่จะทำร้ายคนที่ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับเขาตลอดเวลา

ท่ายืนไขว่ห้าง

เรามักจะยืนไขว้ขาก็ต่อเมื่อเราเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่รู้จักหรือคนแปลกหน้า แต่เราจะไม่กอดอก สามารถยืนอยู่ในท่าสบาย ๆ ก้าวเท้ามาข้างหน้า และชี้ปลายเท้าไปยังฝ่ายตรงข้าม เมื่อได้ยืนพูดคุยกับคนที่รู้จักหรือสนิทสนมคุ้นเคย แต่ถ้ายืนพูดคุยกับคนอื่นในท่าสบาย ๆ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแต่กอดอกไม่ได้หมายความว่าเรารู้สึกผ่อนคลายหรือสบายใจเหมือนที่แสดงออกทางสีหน้าเลย

ท่ายืนไขว้ข้อมือ

การยืนและไขว้ข้อมือ เป็นการแสดงท่าทางในเชิงลบและเป็นการป้องกันตัวเช่นเดียวกับการไขว้ขา กอดอก ผู้ชายมักจะไขว้ข้อเท้า และกำหมัดวางหรือเท้าไปที่หัวเขา ส่วนผู้หญิงจะนั่งเข่าชิด เท้าหันไปทางใดทางหนึ่ง มือวางไว้บนต้นขา เมื่อคนเรารู้สึกกดดันหรือวิตกกังวลกับบางสิ่งบางอย่าง มักจะนั่งไขว้ห้างและกัดริมฝีปาก

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่ากึ่งกอดอก มนุษย์คือสัตว์สังคม ดังนั้น ...

มนุษย์คือสัตว์สังคม ดังนั้นพฤติกรรมของตัวเองจะต้องไม่ขัดต่อสังคมหรือฝืนกระแสสังคม เช่นเดียวกันเมื่อเราแสดงความรู้สึกออกมาด้วยการกอดอก จะดูเป็นที่สังเกตมากเกินไป เพราะมันจะบอกกับฝ่ายตรงข้ามหรือคู่สนทนาว่า เขากำลังกลัว จึงเลือกที่จะใช้ท่าทางที่สามารถปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงได้บ้าง เพื่อป้องกันการถูกคุกคามจากภายนอก ซึ่งเรามักจะใช้แขนข้างหนึ่งพาดมาจับ หรือแตะแขนอีกข้างหรือการกุมมือ แต่การกุมมือมักจะใช้ต่อเมื่อต้องอยู่หน้าผู้คนจำนวนมากเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่ากอดอกแบบกำหมัด ท่ากอดอกแบบเกาะแขน

ท่ากอดอกแบบกำหมัด
เป็นการกอดพร้อมกำหมัดไว้ใต้แขนเป็นการแสดงถึงการป้องกันตัว การเตรียมพร้อมและเป็นศัตรู และมักจะมีการกัดฟัน หน้าแดง เมื่อถูกคุกคามทั้งทางด้านคำพูดและร่างกาย คนที่กอดแล้วกำหมัดมักจะมีท่าทางพร้อมจะจู่โจม

ท่ากอดอกแบบเกาะแขน
การกอดแบบนี้จะสังเกตได้ว่ามือทั้งสองข้างจะเกาะอยู่ที่ต้นแขนอย่างเหนียวแน่นเพื่อให้ดูแข็งเกร่งขึ้น เรามักจะกอดแบบนี้เมื่ออยู่ในสถานะการณ์ที่พยายามอดกลั้นต่อความรู้สึกในเชิงลบ คนที่อยู่ในสถานการณ์ที่พยายามอดกลั้นต่อความรุ้สึกในเชิงลบ คนที่อยู่ในสถานะการณ์ที่เป็นต่อหรือเหนือกว่าจะไม่ค่อยใช้การกอดอก เนื่องจากเขาจะไม่รู้สึกกดดัน กังวลกับความเสียเปรียบ เขาจะอยู่ในสภาพทีมีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความมั่นใจมากขึ้น

ท่ากอดอกมาตราฐาน จะเป็นท่ากอดอกโดยพับแขนทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเสมอกับระดับหน้าอก



จะเป็นท่ากอดอกโดยพับแขนทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเสมอกับระดับหน้าอก โดยทั่วไปเป็นการแสดงถึงกิริยาการป้องกันตัวและมีความคิดในแง่ลบ และมักจะเป็นท่าที่พบได้บ่อยในสถานะการณ์ประชุมหรือต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า การเข้าแถวคอยชื้อของ ขึ้นลิฟต์ ฝากเงิน หรือสถานะการณ์ที่รู้สึกไม่แน่ใจในความปลอดภัย

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่ากอดอก มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดที่ดีเยียม




มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดที่ดีเยียม ทุกครั้งที่มนุษย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามจากสิ่งที่ไม่อาจวางใจได้ จะหาทางป้องกันตัวเองจากอันตรายดังกล่าวโดยทันที การป้องกันตัวเองจากอันตรายที่มนุษย์ทำกันมากที่สุดคือ การหาที่ซ่อนตัว ซึ่งสัญชาตญาณการเอาตัวรอดนี้เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับมนุษย์ และค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของมนุษย์

สำหรับเด็ก ๆ เมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงในจิตใจ หวาดกลัว พวกเขาจะวิ่งไปหาที่ซ่อน หลบซ่อนอยู่ด้านหลังสิ่งที่เขาคิดว่าสามารถคุ้มครองชีวิตเขาได้ เช่น พ่อแม่ โต๊ะ เก้าอี้ตัวใหญ่ ๆ

แต่เมื่อเริ่มเติบโตขึ้น การซ่อนตัวก็จะมีความกลมกลืนแนบเนียนมากขึ้น เริ่มที่จะกอดอกไว้แน่น เวลาที่เกิดความกลัวขึ้นมา และเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น การป้องกันตัวเองที่ยังคงมีอยู่ก็คือการกอดอก แต่จะคลายแขนออกเล็กน้อยพร้อมไขว้ขา

เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ท่ากอดอกก็จะถูกพัฒนาขึ้นไปเป็นการงอแขนข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างไว้ที่อก ก็สามารถทำให้เกิดเกราะกำบังปิดกั้นการคุกคามไม่ให้เข้ามาถึงตัวได้ แต่จะกอดแน่นเมื่อเขารู้สึกประหม่า กังวล หรือรุ้สึกไม่พอใจ หลายคนกล่าวว่าการกอดอกทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ฝ่ายตรงข้ามหรือคู่สนทนาอาจรู้สึกไม่ดีกับการกอดอกได้

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ท่าเจดีย์คว่ำ เจดีย์ตั้ง โดยปกติแล้วคนที่มีความเชื่อมั่น

ท่าเจดีย์คว่ำ เจดีย์ตั้ง โดยปกติแล้วคนที่มีความเชื่อมั่นและมีความรู้สึกเหนือกว่า มักจะใช้ท่านี้ เพื่อแสดงความเชื่อมั่น ท่าเจดีย์ตั้งมักจะเกิดขึ้นขณะที่มีการพูดแสดงความคิดเห็นหรือทัศนคติ ส่วนเจดีย์จะปรากฏก็ต่อเมื่อผู้ทำท่านี้อยู่ในฐานะผู้ฟังมากกว่าผู้พูด และมักจะใช้ท่าทางที่ให้ความรู้สึกเชิงลบติดออกมาด้วย เช่น กอดอก ไขว้ขา จับใบหน้า

ท่าจับมือ แขน ข้อมือ การเดินเอามือกุมไว้ข้างหลัง เป็นท่าทางที่แสดงให้เห็นความเป็นต่อและเชื่อมั่น เพราะในขณะที่เอามือไพล่หลังร่างกายบริเวณส่วนหน้า เช่น ท้อง หัวใจ และคอ จะถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่รู้สึกหวั่นเกรงสิ่งใด ๆ เลย คนเรามักชอบที่จะยืนในท่านี้เมื่อตกอยู่ในสถานะการที่กดดัน ตึงเครียด เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายลง กลับมามีความเชื่อมั่น และรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจอีกครั้ง แต่ถ้าเลื่อนข้อมือขึ้นไปจับบริเวณข้อมือ จะแสดงถึงความพยายามอดทนและควบคุมตนเองด้วยการจับหรือบีบข้อมืออีกข้างไว้แน่น และยิ่งเลื่อนมือสูงขึ้นไปมากเท่าไร ก็แสดงว่าคนคนนั้นเริ่มโกรธมากขึ้น