วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การเตรียมพร้อมก่อนการอ่านใจคน



















1. พยายามใช้เวลาอยู่กับผู้คนให้มาก เพื่อหัดสังเกต เรียนรู้ ทำความเข้าใจคน เนื่องจากในปัจจุบันคนเรามักจะเหินห่างผู้คนรอบข้าง หรือคนใกล้ตัวมากไปทุกที ได้แต่ขังตัวอยู่ในหอคอยงาช้างที่สูงตระหง่านอย่างโดดเดี่ยว แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ต้องการสังคม ต้องมีการติดต่อสื่อสารกัน ดังนั้นการทำความเข้าใจคนจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่งของมนุษย์เนื่องจากในโลกทุกวันนี้ เทคโนโลยี ความก้าวหน้า ต่างก็ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด สร้างความสะดวก สบายให้กับชีวิตมนุษย์อย่างมากมาย จนทำให้รูปแบบการดำเนินชีวิตของเราเปลี่ยนไป

เราพูดคุยกันอย่างเผชิญหน้าน้อยลงไปทุกที เพราะมีโทรศัพท์เข้ามาแทนที่ วัตถุประสงค์ในการพูดคุยเปลี่ยนไปจากพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ เป็นการพูดคุยเพื่อข้อมูล ความเคลื่อนไหวเรื่องราวต่าง ๆ โดยละเลยเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกของกันและกันไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อารมณ์ความร้สึกนั้นมีความสำคัญในการตัดสินใจไม่น้อย

















ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักไม่ยอมเปิดเผยตัวเอง เหตผมหนึ่งนั้นมาจากความที่คนเราขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จริงอยู่ที่คนเราเป็นสัตว์สังคม มีเพื่อนฝูงมีคนรู้จักมากมาย แต่คนเหล่านั้นยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี และสร้างความคลางแคลงใจให้เราได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนที่อยู่ในเมืองใหญ่ นั่นเป็นเพราะเราหวาดกลัว คนเหล่านั้นจึงพยายามหลีกเลี่ยงการสำผัส จึงทำให้เราไม่ได้ทักษะทางสังคมบ่อยครั้งอย่างที่ควรจะเป็น

2.หัดหยุด มอง และฟัง ผู้อื่นด้วยความอดทนและตั้งอกตั้งใจ คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไม่นานในการสังเกต รวมรวมข้อมูลผ่านตรงข้าม รีบร้อนตัดสินใจคน แต่การรีบร้อนไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นเลย ไม่ว่าสิ่งที่ตัดสินใจจะถูกหรือผิด เรามีเวลามากมายที่จะใช้ตัดสินใจได้อย่างสบาย ๆ ถ้าการตัดสินใจของเรายังทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ลองยืดเวลาออกไปก่อน เพื่อให้ทุกอย่างมันกระจ่างชัดเราต้องใช้ความอดทน อดทนที่จะรอคอยหรือคิดทบทวนก่อนที่จะตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจอย่างเร่งรีบ อาจจะทำให้เราได้ข้อมูลที่ผิดพลาดซึ่งจะนำไปสู่การสรุปที่ผิดพลาด

3.ก่อนที่จะให้ใครเปิดใจนั้นเราต้องกล้าเปิดใจตัวเองเสียก่อน เพราะเขาต้องการเวลาในการอ่านเราเช่นเดียวกัน และถ้าต้องการให้เขาพูดกับเราอย่างเปิดเผย หมดเปลือก อันดับแรก เราต้องให้เขาเชื่อใจเราก่อนด้วยการแสดงออกมาว่า เราเปิดเผย จริงใจ ไม่มีอะไรปิดบังเขา เมื่อเขาได้อ่านใจเราไปบ้างแล้ว เขาก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเกิดความสบายใจ ก็กล้าเปิดใจมากขึ้น



















4. รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าเราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร สิ่งที่เราปรารถนาหรือต้องการก็ไม่มีวันมาอยู่ในมือเราได้ เรามักจะไม่ค่อยใช้เวลาประเมินบุคลิกโดยรวมของคนที่เรารู้จัก เพื่อนสนิท หรือแม้แต่คนรัก และเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก็มักจะทำให้เราผิดหวังกับการกระทำของเขา จากนั้นความสำพันธ์ระหว่างกัน ก็เปลี่ยนไป สาเหตุนั้นเกิดจากการที่เราใช้เวลาในการพิจารณา คิดทบทวนน้อยเกินไป จึงต้องมาผิดหวังภายหลัง การตอบโต้จึงเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกผิดหวัง โดยที่เราลืมนึกถึงความต้องการดั้งเดิมของเรา

ดังนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจคบหาใครสักคน ไม่ว่าความสำพันธ์นั้นจะอยู่ในระดับใดก็ตาม เพื่อน คนรัก หรือคนรู้จัก จะต้องคำนึงถึงสำพันธภาพในระยะยาวเป็นหลัก ไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าเขาสามารถเข้ากับเราได้มากน้อยเพียงใด และมิตรภาพของเราจะยืนยาวหรือไม่ อย่าคิดหรือมองอะไร ๆ แคบเกินไป จริงอยู่ที่วันนี้เราและเขาอาจจะมีความสุข หน้าตจาชื่นบาน แต่ในวันข้างหน้า เราอาจจะต้องมานั่งทุกข์ใจ หน้าชื่นอกตรมแทน

5.ฝึกสร้างเป้าหมายให้กับตัวเอง เราไม่อาจจะอ่านใจคนได้อย่างถูกต้อง ถ้าเราไม่มองเขาอย่างมีเป้าหมาย เราต้องการเห็นอะไรในตัวเขา แต่ถ้าการตัดสินใจของเราเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ต่อชีวิตเรามากเท่าไร การยึดมั่นในเป้าหมาย หรือสิ่งที่ต้องการก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าเดิมหลายเท่า เรามักใช้อารมณ์ในขณะนั้นมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจกันมาก และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพราะอารมณ์ ทุกข์ สุข เศร้าหมอง หรืออารมณ์อื่น ๆ ทำให้เรามองข้ามภาพรวมหรือความจริงระยะยาวไป

เปรียบได้เหมือนความรัก เมื่อคนเราตกอยู่ในห้วงของความรัก น้ำต้มผักที่ขมก็หวานได้ ไม่ว่าเขาทำอะไรก็ดูดีน่ารักไปหมด แต่เมื่อใดที่ความลุ่มหลงหมดไป ความจริงก็เผยออกมา จะทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด เมื่อใดที่ความจริง ถูกเผยขึ้นมา เราก็จะรู้สึกเจ็บปวด ทรมานไปกับสิ่งที่ได้เห็น ได้รับรู้ แต่ถ้าเราแกล้งทำตาบอด มองไม่เห็น ทำเหมือนกับว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้เราสามารถเอาชนะความจริงไปได้

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แทนที่จะยอมรับมัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น ก็เพราะมันมักจะมีเงื่อนไขขึ้นมาทันทีที่เราเกิดความผิดหวังในตัวคนรัก เพื่อน หรือคนรู้จัก เรามักจะมองไม่เห็นนิสัยเห็นแก่ตัวของคนที่เรารัก เราจะไม่อยากให้คนที่เราไม่ชอบได้ดี และเมื่ออารมณ์ความรู้สึกกลายเป็นตัวผลักดันเราไปตามสถานการณ์ จะทำให้เป้าหมายที่เราวางไว้เปลี่ยนไป และเมื่อใดที่เรารู้สึกอ่อนไหว หรือหวั่นไหวได้ง่าย ก็จะเป็นตัวบังคับให้เราตัดสินใจออกมา และมักจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลากอยู่บ่อย ๆ

ความรู้สึกต่าง ๆ จะทำให้เราไม่กล้าเปลี่ยนแปลงนอกจากนั้นยิ่งเรารีบร้อน โอกาสที่เราจะผิดพลาดยิ่งมีมากขึ้น โดยธรรมชาติแล้วคนเรามักจะทำผิดพลาดเมื่อลนลานหรือรีบ บ่อยครั้งที่เรามักจะตกเป็นเหยื่อของการชักจูงภายในเงื่อนไขของเวลา ยิ่งไกล้หมดเวลาเท่าไร คนเรามักจะขาดสติ ขาดการพิจารณา และมองอะไรผิดพลาดไปหมด เพียงเพื่อให้ตัวเองสามารถผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ เมือใดก็ตามที่พบว่าเริ่มมีอาการแปลกไปจากเดิม เมื่อถูกเวลาเป็นตัวกำหนด การอ่านใจคนก็จะมีโอกาสผิดพลาดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นขอให้หยุดและมองหาทางเลือกอื่นแทน ความหวาดกลัว หรือความกลัวเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้การอ่านใจคนเกิดความผิดพลาด เนื่องจากมันจะทำหน้าที่ป้องกันความสูญเสีย ความเจ็บปวด ความผิดหวัง

เรากลัวการตัดขาดความสำพันธ์ เพราะกลัวสูญเสียคนที่เรารักไป ไม่กล้าปฏิเสธงานที่เจ้านายมอบหมายให้ เพระากลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นคนไม่เอาไหน หากเราไม่สามารถขับไล่ความกลัวออกจากจิตใจได้ ก็ควรที่จะหันกลับไปมองว่าเรากลัวอะไร และเลือกทำในสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บป่วยน้อยที่สุด

และสุดท้าย การป้องกันตัวเองมากเกินไป จนไม่เปิดรับคนอื่น จริงอยู่คนเราไม่ต้องการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือถูกตำหนิดติเตียน แต่เมื่อเรารู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามด้วยคำวิจารณ์ เรามักจะตอบโต้ด้วยการสร้างกำแพงขึ้นในใจ ปิดกั้นทุกสิ่งไม่ให้เข้ามาสู่จิตใจได้ ซึ่งในจุดนี้เองทำให้เราสูญเสียทักษะในการอ่านจิตใจคนไป บ่อยครั้งที่การโจมตี เริ่มต้นขึ้น คนเรามักจะขาดสติ และหันมาปกป้องตัวเอง หรือปิดหู ปิดตา ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

6.กำจัดอคติออกจากใจให้หมด ถ้าต้องการที่จะเอาชนะคนสักคน เราต้องทำตัวให้เหมือนหลอดหรือท่อน้ำ น้ำจะใหลผ่านท่อไปได้ก็ต่อเมื่อภายในท่อไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล เช่นเดียวกัน ตัวเราก็เป็นเหมือนท่อน้ำ อุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางคือ อคติ และความลำเอียง ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลของคนที่เรากำลังอ่านใจสามารถหลั่งไหลออกมาได้อย่างสะดวก เราต้องกำจัดอคติและความลำเอียงให้หมดไป

7.ตัดสินในและลงมือทำ บางครั้งเราไม่สามารถเดาใจคนได้เลย นั่นเป็นเพราะเราไม่กล้าตัดสินใจ แต่ถ้าลองพิจารณา ลองเข้าไปทำความรู้จัก ได้พูดคุยสื่อสารกับเขาดู เราจะค้นพบชิ้นส่วนสุดท้ายที่จะทำให้ สามารถตัดสินใจได้ บางคนไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวด เสียใจจากการตัดสินใจได้ คนที่ไม่กล้าเดาใจผู้อื่น มักจะชลอการตัดสินใจเอาไว้ก่อน และหลอกตัวเองว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยตัวของเขาเอง