หงุดหงิด คนเราจะแสดงอาการหงุดหงิดออกมา 2 ลักษณะด้วยกัน คือการเผชิญหน้าและการยอมจำนน ถ้าเราเชื่อว่าเราไม่ใช่คนผิด ไม่ว่าเราจะหงุดหงิดเพียงใดก็ตาม เราจะวิ่งชนปัญหานั้น ๆ ทันที
แต่ถ้าเหตุการณ์กลับกัน เราคือผ่ายผิด เราก็จะยอมจำนนแทน แต่ยังรู้สึกโกรธอยู่ในใจ สำหรับคนที่มีอาการหงุดหงิดแบบเผชิญหน้า มักจะสบตาหรือจ้องเขม็ง พูดเน้นย้ำ วีลีเดิม ๆ เข้าไกล้คนอื่นในระยะประชิดตัว เขย่าแขน ชี้นิ้ว ยักไหล่ ส่วนคนที่หงุดหงิดแต่ยินยอมจำนน จะถอนหายใจ หายใจเร็ว เท้าเอว หน้าตาบูดบึ้ง เอามือประสานไว้ที่ศีรษะ หรือท้ายทอย เคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าปกติ แต่เมื่อรู้สึกผิดจะมีอาการกรอกตา หรือหลับตา สั่นศีรษะ สะบัดมือ ยักไหล่ เดินหนีไป
โกรธ เมื่อคนเราโกรธมักแสดงออกมาในรูปของความก้าวร้าว ปกป้องตัวเองและถอนตัวออกมา อาการก้าวร้าวเป็นฟฤติกรรมที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธ พยายามหลีกเลี่ยงการแสดงออกด้วยความก้าวร้าว อาการของคนที่กำลังโกรธจะแสดงอาการดังนี้ หน้าแดง แขนประสานกัน เท้าสะเอว หายใจถี่และเร็ว พูดคำซ้ำ ๆ กัน ชี้นิ้ว เคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว เครียด กัดฟันแน่น เม้มปาก หน้านิ่วคิ้วขมวด ตัวสั่น กำหมัดแน่น หงุดหงิดจนควบคุมแขนไว้ไม่ได้ หัวเราะแบบเสียดสี โดยปกติแล้วคนที่โกรธแล้วมีท่าทีป้องกันตัว เช่นกัดฟัน ประสานมือเข้าหากัน แต่จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างฉับพลัน ทันด่วน ร่างกายจะแข็งทื่อ แขน ขา แนบติดตัว หน้านิ่งไม่สบตา

ส่วนคนที่โกรธแล้วถอนตัว เขาจะไม่สบตาและหันร่างกายไปทางอื่น เงียบ หรืออาจจะเดินออกไปให้พ้นจากบริเวณนั้น
เบื่อสาเหตุมาจากความเครียด จนทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเหนื่อยล้า จึงต้องการกิจกรรมอื่นเพื่อทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอีกครั้ง อาการที่สังเกตได้ว่าเขากำลังเบื่อ คือ ลูกตากลอกไปมาอย่างไร้จุดหมาย เพ่งมองออกไปไกล หรือก้มมองนาฬิกาหรือสิ่งของอยู่บ่อย ๆ
ไขว้ขาและไขว้ขาสลับไปมา หักนิ้วเล่น ขยับปากกา ดินสอ หรือแว่นตาเล่น ดึงตัวออกห่างจากคนอื่น ๆ เอนตัวไปข้างหลัง โยกศีรษะไปมา ยืดแขนขา เขย่าหรือขยับแขน ขา อยู่ตลอด

การแสดงอาณาเขตและความเป็นเจ้าของ
จะพบว่าตัวเราเองมักแสดงอาณาเขตตัวเองให้ผู้อื่นรู้เห็นด้วย การยืนพิง สัมผัส สิ่งของหรือบุคคล เพื่อเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของออกมา อาการแสดงอาณาเขตหรือความเป็นเจ้าของมักจะ ยืนพิง วางเท้า ข้างหนึ่งบนสิ่งของ หรือใช้แขนโอบกอด เมื่อร่างกายของเขาได้สัมผัสกับสิ่งของมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไป และเพื่อให้คนอื่นได้รู้ว่ามันเแ็นของเขาเพียงผู้เดียว คู่รักมักจะแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ด้วยการจูงมือ หรือโอบกอนในที่สาธารณะ หรือ เมื่อมีคนกำลังมองมองดูคู่รักของตนอยู่ นอกจากจะเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ หรือการแสดงอาณาขตแล้ว การพิง นั่ง หรือใช้ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตยังแสดงถึงการข่มขู่ผู้อื่น ทำให้เจ้าของของชิ้นนั้นเกิดความรู้สึกเชิงลบได้ตั้งแต่แรกพบ

ลักษณะที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ ได้แก่ นั่งเก้าอี้แล้วยกขาขึ้นมาพาดด้วยท่าที่สงบนิ่ง ผ่อนคลาย นั่นหมายถึง เขากำลังประกาศความเป็นเจ้าของเก้าอี้ตัวนั้นอยู่ และแสดงว่าเขากำลังผ่อนคลาย
ในท่าเดียวกันแต่ต่างสถานการณ์ออกไปผลที่ตามมาจะต่างออกไป ถ้าเขานั่งนิ่ง มีท่าทีตั้งอกตั้งใจฟังในสิ่งที่คู่สนทนากำลังพูด จากนั้นเริ่มเอนตัวไปข้างหลัง พิงพนักเก้าอี้แทน และยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาด แสดงว่าเขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนเดิมแล้ว แต่มันหมายถึงความไม่สนใจ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคู่สนทนาเลย และอาจจะรู้สึกเสียเวลาอยู่นิด ๆ ที่ต้องมานั่งฟังอะไรก็ไม่รู้ ในขณะเดียวกัน ก็อาจจะแกลงมองหน้าผู็พูดบ้าง เพื่อไม่ให้เขาดูว่าไม่สนใจฟังเลย
แต่ถ้าพบกับคนที่กำลังแสดงความเป็นเจ้าของโดยการยกขาขึ้นพาดโต๊ะ ต้องรีบทำให้เขาเปลี่ยนท่าให้ได้ อาจจะหลอกล่อให้ต้องโน้มตัวมาข้างหน้า เพื่อให้เขาเปลี่ยนท่านั่ง และบรรยากาศการสนทนาหรือเจรจาจะดูผ่อนคลายมากขึ้น
บางคนชอบยืนเท้าประตู ซึ่งการยืนในสักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าลึก ๆ เขาเป็นคนชอบข่มคนอื่น และมีผลต่อภาพลักษณ์ของเขาเองตั้งแต่แรกพบ ดังนั้นการพบปะกับใครเป็นครั้งแรก ควรยืนในท่าตรง แบมือออกเพื่อแสดงความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากความรู้สึกชั่วแวบแรกที่ได้เห็นจะเป็นสิ่งที่ถูกประมวล เป็นความรู้สึกแรกพบได้ และความรู้สึกนี้จะติดแน่นอยู่ในใจของผู้พบเห็นไปตลอดและไม่มีโอกาสที่จะลบเลือนได้เลย